วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิเคราะห์เจาะลึก ฟุตบอลยูโร 2016

 แผนเด็ดพิชิตยักษ์เขียวแผนเด็ดพิชิตยักษ์เขียว  ฟุตบอลยูโร 2016

วันนี้แล้วนะครับที่จะรู้ว่า สเปนจะได้เข้ารอบ 2 ทันทีเลยหรือว่าต้องไปลุ้นกับทีมโครเอเชียในนัดสุดท้าย เมื่อทีมแชมป์โลกมีคิว ลงดวลกับไอร์แลนด์ ที่สนาม พีจีอี อารีน่า เมือง กดังส์ ประเทศโปแลนด์เวลา
Tags : สเปน, วิเคราะห์บอล, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ยูโร 2012

‘แคมป์แตก’ความจริงที่ยัง‘เอาอยู่’‘แคมป์แตก’ความจริงที่ยัง‘เอาอยู่’
กระแส "แคมป์แตก" ในทีมอัศวินสีส้มยังคงเป็นประเด็นให้นักข่าวต่างประเทศเขียนข่าวโจมตีเข้าทำนองยุแยงตะแคงรั่วกันต่อไปอย่างสนุกมือ
 13 มิ.ย. 55 13.33 น.  13749 ผู้ชม    10 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, วิเคราะห์บอล, แคมป์แตก, ฟุตบอลยูโร 2012, ยูโร 2012, ฟาน เดอร์ ฟาร์ต, อัศวินสีส้ม
ลาห์มประกาศสู้ร็อบเบน เลิฟมีแววปรับทัพสู้ดัตช์ลาห์มประกาศสู้ร็อบเบน เลิฟมีแววปรับทัพสู้ดัตช์
ก่อนเกมนัดสำคัญที่สุดแห่งยูโร 2012 ในกลุ่มบี วันพุธนี้...อินทรีเหล็กต้องเตรียมแผนรับมือเต็มที่ !?
 13 มิ.ย. 55 10.38 น.  14176 ผู้ชม    13 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, วิเคราะห์บอล, ยูโร 2012, ฮอลแลนด์, เยอรมัน, อินทรีเหล็ก
ศูนย์หน้ากระทิงดุ...???ศูนย์หน้ากระทิงดุ...???
สเปนเจอกับอิตาลี เรื่องราวแค่นี้ก็เรียกความสนใจได้มากอยู่แล้ว ทว่าเมื่อเห็นการจัดตัวผู้เล่นออกสตาร์ตเกมของทั้ง 2 ทีมเล่นเอาแฟนบอลอึ้ง ทึ่ง เสียวไปตามๆกัน
 12 มิ.ย. 55 13.29 น.  10207 ผู้ชม    2 ความคิดเห็น
Tags :
แชมป์เท่านั้นแชมป์เท่านั้น
วันนี้แล้วนะครับที่เราจะได้รู้ว่าผลงานของทีมชาติสเปนจะเป็นอย่างไร กับการเล่นนัดแรกรอบแรกในการแข่งขันยูโร 2012 โดยมีอิตาลีอดีตแชมป์โลก 2006 เป็นผู้ให้คำตอบ
 10 มิ.ย. 55 10.11 น.  986 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : สเปน, ผลบอลยูโร, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ผลบอลยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร 2012,อิตาลี, ยูโร 2012
ตามกันไปรอบ 8 ทีม...???ตามกันไปรอบ 8 ทีม...???
ประเดิมสนามกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับศึกยูโร 2012 ที่โปแลนด์และยูเครนเป็นเจ้าภาพร่วม เป็นที่ทราบกันดีว่าทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปนั้นคุณภาพของแต่ละทีมค่อนข้างใกล้เคียงกัน ไม่ค่อยจะมีทีมแจกแต้มสักเท่าไหร่ นั่นจะทำให้มีโอกาสพลิกพลิกมาได้ตลอดเวลา ขนาดกรีซยังเป็นแชมป์มาแล้ว
 9 มิ.ย. 55 10.48 น.  21936 ผู้ชม    19 ความคิดเห็น
Tags : ยูโร 2012, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร 2012, ผลบอลยูโร 2012
เทศกาลแห่งการอดนอนเริ่มขึ้นอีกแล้ว!เทศกาลแห่งการอดนอนเริ่มขึ้นอีกแล้ว!
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เดินมาถึงอีกคำรบ
 8 มิ.ย. 55 14.38 น.  802 ผู้ชม    1 ความคิดเห็น
Tags : ฟุตบอลยูโร 2012, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ผลบอลยูโร 2012, ยูโร 2012
5 เหตุผลที่ อังกฤษ จะคว้าแชมป์ ยูโร 20125 เหตุผลที่ อังกฤษ จะคว้าแชมป์ ยูโร 2012
จากชัยชนะทั้ง 2 นัดในการอุ่นเครื่อง ขุนพล "สิงโตคำราม" ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง รอย ฮอดจ์สัน ถือว่าทำผลงานได้ไม่เลวทีเดียวก่อนศึกยูโร 2012 ที่โปแลนด์ และ ยูเครน ที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้
 8 มิ.ย. 55 11.35 น.  11924 ผู้ชม    18 ความคิดเห็น
Tags : ทีมชาติอังกฤษ, อังกฤษ, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ผลบอลยูโร 2012, ยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร 2012
แชมป์เก่าเอาอะไรไปทะลวงประตู...???แชมป์เก่าเอาอะไรไปทะลวงประตู...???
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือบอลยูโร ยังไม่เคยมีแชมป์เก่าทีมไหนป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ในปีครั้งถัดไป นั่นเป็นสถิติที่ทำให้ยังคงกังขากันว่าสเปนจะทำได้เป็นทีมแรกหรือเปล่า หรือยังคงต้องจำยอมกับสถิติที่มีมานาน
 7 มิ.ย. 55 09.28 น.  26493 ผู้ชม    8 ความคิดเห็น
Tags :
ใครๆ ก็ไม่รัก อังกฤษ!ใครๆ ก็ไม่รัก อังกฤษ!
จากทีมมหาชน สู่ทีมหมาชน อังกฤษ จะพาตัวเองจบศึก ยูโร ออกมาแบบไหนหนอ
 5 มิ.ย. 55 15.16 น.  12115 ผู้ชม    26 ความคิดเห็น
Tags : อังกฤษ, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ผลบอลยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร 2012, ยูโร 2012,ยูโร
ใครๆก็ไม่รัก...???ใครๆก็ไม่รัก...???
นอกจากบรรดานักเตะที่ได้รับบาดเจ็บทำให้ต้องพลาดโอกาสทองในการเล่นทัวร์นาเมนต์สำคัญๆอย่างยูโรแล้ว ยังมีบรรดานักเตะที่ชื่อชั้นเป็นที่รู้จักกันดี แต่เพราะปัจจัยอื่นทั้งฟอร์มล่าสุด ทั้งอายุอานามที่มากขึ้นทุกวัน ทั้งปัจจัยที่เข้ากับแผนการเล่นของกุนซือ ทำให้โดนหั่นชื่อหรือไม่เรียกเข้ามาเลย ทั้งที่เคยใช้งานกันมาก่อน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องอกหักอย่างแรงที่ไม่มีโอกาสได้รับใช้ชาติอย่างที่คาดหวัง
 5 มิ.ย. 55 10.12 น.  38895 ผู้ชม    16 ความคิดเห็น
Tags : ยูโร, วิเคราะห์บอลยูโร 2012, ผลบอลยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร 2012, ยูโร 2012
เมื่อ‘แลมพ์’ไม่ได้เล่นเมื่อ‘แลมพ์’ไม่ได้เล่น
เมื่อสองวันก่อนเพิ่งเขียนไปหยกๆ ว่าอะไรมันนักหนา สำหรับ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ
 1 มิ.ย. 55 11.20 น.  1040 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : ทีมชาติอังกฤษ, สิงโตคำราม, ยูโร 2012, บอลยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร 2012, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ผลบอลยูโร 2012, วิเคราะห์บอลยูโร 2012
เจาะลึกประเทศโปแลนด์ เจ้าภาพร่วมยูโร 2012เจาะลึกประเทศโปแลนด์ เจ้าภาพร่วมยูโร 2012
เพื่อเป็นการต้อนรับศึก "ยูโร 2012" ที่กำลังจะมาเยือนในอีกเร็วๆ นี้ เรามาทำความรู้จักกับประเทศโปแลนด์ เจ้าภาพร่วมในการเเข่งขันครั้งนี้กันครับ
 25 พ.ค. 55 11.24 น.  745 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, ผลบอลยูโร, โปแลนด์, ฟุตบอลยูโร2012, ยูโร2012
โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ภาคดาวซัลโว)โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ภาคดาวซัลโว)
พรรคพวกเพื่อนฝูงบางคนกริ๊งกร๊างเข้ามาพูดคุยกับผม หลังได้อ่านคอลัมน์ "ซอยสามัคคี" เวอร์ชั่น "โหมโรง ศึกยูโร 2012" จบไปทั้ง 3 ตอน พร้อมกับตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่ผมแสดงความคิดเห็นออกไป ถึงการคาดการณ์ผลงานของทีมต่าง ๆ ในศึกยูโร 2012 หนนี้
 25 พ.ค. 55 08.13 น.  1024 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, ผลบอลยูโร, ศึกยูโร 2012, ยูโร 2012
โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนจบ)โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนจบ)
โหมโรง ศึกยูโร 2012 มาถึงฉากสุดท้ายแล้วครับ หลังจากที่คาดการณ์ผลการแข่งขันในรอบแรก ทั้ง 4 กลุ่ม ก็จะได้ทีมที่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ เป็นดังนี้ครับ
 24 พ.ค. 55 10.50 น.  555 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, ผลบอลยูโร, ยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร
โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 2)โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 2)
ควันหลงของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ยังมีต่อมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่เหลือเชื่อก็คือ เรื่องราวของทีมแชมป์ยุโรปหมาด ๆ อย่าง "สิงห์น้ำเงินคราม" เชลซี ที่ทำไปทำมา ดูเหมือนว่า จะมีเรื่องวุ่น ๆ ให้โรมัน อบราโมวิช ต้องตามแก้ไขกันเยอะแยะไปหมด
 24 พ.ค. 55 10.20 น.  293 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, ผลบอลยูโร, ยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร
โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 1)โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 1)
ฟุตบอลลีกยุโรป ผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะยังเหลือเกมสแปนิช โคปาเดลเรย์ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ แอธเลติก บิลเบา อีก 1 คู่ ในวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ แต่จากนี้ไป เรื่องราวของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 ก็จะเข้ามาแทนที่แบบเต็มรูปแบบกันซะที
 24 พ.ค. 55 09.36 น.  351 ผู้ชม    0 ความคิดเห็น
Tags : วิเคราะห์บอลยูโร, ผลบอลยูโร, ยูโร 2012, ฟุตบอลยูโร

วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มดี ฝรั่งเศส - อังกฤษ


วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มดี ฝรั่งเศส - อังกฤษ

วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มดี ฝรั่งเศส - อังกฤษ
วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มดี ฝรั่งเศส - อังกฤษ
วิเคราะห์บอลยูโร 2012 ในกลุ่มดี เป็นการพบกันระหว่าง ฝรั่งเศส - อังกฤษ
เวลา: 23.00 น.
สนาม: ดอนบาสส์ อารีน่า
ผู้ตัดสิน: นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)
ถ่ายทอดสด: ช่อง 3

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
ฝรั่งเศส
5 มิ.ย. 55 ชนะ เอสโตเนีย 4-0 (เหย้า) กระชับมิตร
31 พ.ค. 55 ชนะ เซอร์เบีย 2-0 (เหย้า) กระชับมิตร
27 พ.ค. 55 ชนะ ไอซ์แลนด์ 3-2 (เหย้า) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 ชนะ เยอรมนี 2-1 (เยือน) กระชับมิตร
15 พ.ย. 54 เสมอ เบลเยียม 0-0 (เหย้า) กระชับมิตร
อังกฤษ
2 มิ.ย. 55 ชนะ เบลเยียม 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
26 พ.ค. 55 ชนะ นอร์เวย์ 1-0 (เยือน) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 แพ้ ฮอลแลนด์ 2-3 (เหย้า) กระชับมิตร
15 พ.ย. 54 ชนะ สวีเดน 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
11 พ.ย. 54 ชนะ สเปน 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
17 พ.ย. 53 กระขับมิตร อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
13 มิ.ย. 47 ยูโรบรอบสุดท้าย ฝรั่งเศส 2-1 อังกฤษ
26 มี.ค. 51 กระชับมิตร ฝรั่งเศส 1-0 อังกฤษ
2 ก.ย. 43 กระชับมิตร ฝรั่งเศส 1-1 อังกฤษ
10 ก.พ. 42 กระชับมิตร อังกฤษ 0-2 ฝรั่งเศส
ความพร้อม-สภาพทีม
ฝรั่งเศส
ยานน์ เอ็มวิล่า มิดฟิลด์ดาวรุ่งจากแรนส์ ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะรับหน้าที่ตัวตัดเกมแดนกลางให้ทีมตราไก่ในทัวร์นาเมนต์นี้ เจ็บข้อเท้ามาจากเกมอุ่นเครื่องนัดรองสุดท้ายของทีม ทำให้ยังไม่น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ แม้จะเริ่มกลับมาลงซ้อมกับทีมได้ในช่วงปลายสัปดาห์แล้วก็ตาม
ส่วนแบลส มาตุยดี้ กองกลางตัวรับอีกคนจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็หายเจ็บต้นขากลับมาลงซ้อมได้พร้อมกันแล้ว หลังถูกอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมอุ่นเครื่องของทีมเลยทั้ง 3 นัด แต่ก็ไม่น่าจะเป็นตัวเลือกในเกมนี้ ทำให้หน้าที่นี้จะตกเป็นของอาลู ดิยาร์ร่า กองกลางประสบการณ์สูงของมาร์กเซย ซึ่งเคยมีดีกรีเป็นอดีตกัปตันทีมชาติในยุคแรกที่บล็องก์เข้ามาคุมทีม
โยฮัน กาบาย มิดฟิลด์จากนิวคาสเซิล จะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นตรงกลางสนามในเกมนี้ ซึ่งน่าจะใช้ระบบการเล่นแบบ 4-2-3-1 อีกครั้ง
อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูกัปตันทีม จะรับหน้าที่เฝ้าเสา ขณะที่มาติเยอ เดอบูชี่น่าจะยึดตำแหน่งแบ๊กขวาตัวจริงเอาไว้ได้เหนืออองโตนี่ เรอเวยแยร์ ส่วนแบ๊กซ้ายยังน่าจะเชื่อใจในความเก๋าของปาทริซ เอฟร่ามากกว่ากาแอล กลิชี่
อดิล รามี่จะเป็นเซ็นเตอร์แบ๊กตัวหลัก โดยฟิลิปป์ เม็กแซสจะยังได้ลงยืนเป็นคู่หูต่อไป แม้ฟอร์มช่วงหลังจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็คงเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าโลร็องต์ กอสเซียลนี่ กองหลังตัวกลางอีกคนเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งเพิ่งได้ลงเล่นให้ทีมชาติไปแค่ 3 นัดเท่านั้น
ส่วนสามมิดฟิลด์ที่จะปั้นเกมรุกให้ทีมประกอบด้วยฟร็องค์ ริเบรี่ที่จะขึ้นเกมทางฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นหน้าที่ของซาเมียร์ นาสรี่ โดยมีโฟลร็องต์ มาลูด้า กองกลางตัวเก๋า ซึ่งกลับมาโชว์ฟอร์มกับเชลซีได้ดีในช่วงปลายซีซั่น เป็นตัวคุมเกมตรงกลาง
คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวหลักของทีมชุดนี้ จะรับหน้าที่หัวหอกตัวเป้า แม้จะมีปัญหาการเจ็บหลังเล็กน้อยจากการนั่งเครื่องบินยาวๆ มายูเครน โดยโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ดาวซัลโวสูงสุดของลีกเอิง ต้องรอโอกาสอยู่ข้างสนามไปก่อน
ความพร้อม-สภาพทีม
อังกฤษ
รอย ฮ็อดจ์สันจะประเดิมคุมทีมลงเตะในแมตช์แข่งขันจริงเป็นนัดแรก หลังคว้าชัยชนะได้ในเกมอุ่นเครื่องสองนัดแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง และต้องลงทำศึกยูโรด้วยสภาพทีมที่ไม่เต็มร้อยนัก หลังจากต้องปรับเปลี่ยนโผ 23 นักเตะรอบสุดท้ายอยู่หลายรอบเพราะปัญหาการบาดเจ็บ จนทำให้เสียนักเตะตัวหลักอย่างแกเร็ธ แบร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด และแกรี่ เคฮิลล์ไปด้วย
เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงตัวความหวัง ชวดบู๊ใน 2 นัดแรกเพราะติดโทษแบน ทำให้ปู่รอยต้องตัดสินใจว่าจะส่งใครลงทำหน้าที่แทน ระหว่างแอนดี้ คาร์โรลล์กับแดนนี่ เวลเบ๊ค
ส่วนแอชลี่ย์ ยัง ปีกที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้เล่นริมเส้นทั้งหมด น่าจะได้ขยับมาเล่นเป็นตัวสนับสนุนเกมรุกเช่นเดิม โดยอาจจะยืนเป็นกองหน้าตัวที่สองในระบบ 4-4-2 หรือยืนอยู่หลังหัวหอกตัวเป้าในระบบ 4-5-1 ซึ่งเป็นแผนการเล่นที่ฮ็อดจ์สันคงจะเลือกใช้
แนวรับของทีมเป็นตำแหน่งที่ลงตัวแล้ว เมื่อนักเตะตัวหลักๆ ที่มีอยู่จะได้ลงทำหน้าที่อย่างพร้อมหน้า โดยเกล็น จอห์นสันกับแอชลี่ย์ โคลจะรับหน้าที่ฟูลแบ๊กทั้งสองข้าง โดยมีจอห์น เทอร์รี่เป็นตัวหลักตรงกลาง
ส่วนอีกตำแหน่งคงเป็นหน้าที่ของโจลีออน เลสค็อตต์ ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับแรกในบรรดา 3 เซ็นเตอร์แบ๊กที่เหลืออยู่ อย่างฟิล จากีลก้าและฟิล โจนส์
ขณะที่โจ ฮาร์ท นายทวารจอมหนึบ จะรับหน้าที่เฝ้าเสาเช่นเดิม หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งกับสโมสรและทีมชาติ
ในแผงกลางสตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม จะจับคู่เล่นร่วมกับสก๊อตต์ ปาร์คเกอร์ตรงกลางสนาม แต่ตัวทำเกมริมเส้นทั้งสองฝั่งเป็นอีกตำแหน่งที่ฮ็อดจ์สันยังต้องตัดสินใจว่าจะส่งใครลงทำหน้าที่
เจมส์ มิลเนอร์น่าจะมีโอกาสได้เป็นตัวทำเกมทางกราบขวา หลังได้ลงเล่นตำแหน่งนี้มาในเกมอุ่นเครื่องทั้งสองนัด ส่วนปีกซ้ายคงต้องเบียดแย่งกันระหว่างสจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, ธีโอ วัลค็อตต์ และอเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
ผู้เล่นโดนแบน: เวย์น รูนี่ย์
วิเคราะห์รูปเกม
สองบิ๊กทีมในกลุ่มต้องมาเจอกันตั้งแต่นัดแรก ซึ่งหมายความว่าทีมชนะน่าจะมีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป และจะเป็นการพบกันในนัดแรกของยูโรอีกครั้งของทั้งสองทีม หลังจากฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะอังกฤษ 2-1 เมื่อ 8 ปีก่อน แต่ตอนนั้นทั้งคู่ก็กอดคอกันผ่านเข้ารอบไปได้ 
แต่สิงโตคำรามคงไม่อยากลุ้นเสียวแบบนั้นอีก แม้ว่ามาเจอกันครั้งนี้จะยังดูเป็นรองนิดๆ ในเรื่องฟอร์มการเล่น แถมการขาดหัวใจของทีมอย่างเวย์น รูนี่ย์ไปคงส่งผลกระทบไม่น้อย ยิ่งถ้ารอย ฮ็อดจ์สันตัดสินใจไม่ดีเกี่ยวกับตำแหน่งหัวหอกของทีม โอกาสที่อังกฤษจะลุ้นถึงชนะก็คงน้อยลงไปอีก แม้จะหวังอาศัยลูกกลางอากาศและพละกำลังเข้าบดบี้ฝรั่งเศส แต่ก็มีสิทธิ์โดนเกมรุกที่อันตรายของทีมตราไก่สวนสลบได้ง่ายๆ เหมือนกัน นัดนี้ฝรั่งเศสน่าจะมีโอกาสเบียดเข้าป้ายคว้าชัยได้มากกว่า
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
ฝรั่งเศส (4-2-3-1): 1. อูโก้ โยริส; 2. มาติเยอ เดอบูชี่, 4. อดิล รามี่, 5. ฟิลิปป์ เม็กแซส, 3. ปาทริซ เอฟร่า; 6. โยฮัน กาบาย, 18. อาลู ดิยาร์ร่า; 7. ฟร็องค์ ริเบรี่, 15. โฟลร็องต์ มาลูด้า, 11. ซาเมียร์ นาสรี่; 10. คาริม เบนเซม่า
โค้ช: โลร็องต์ บล็องก์
อังกฤษ (4-4-1-1): 1. โจ ฮาร์ท; 2. เกล็น จอห์นสัน, 6. จอห์น เทอร์รี่, 15. โจลีออน เลสค็อตต์, 3. แอชลี่ย์ โคล; 16. เจมส์ มิลเนอร์, 4. สตีเว่น เจอร์ราร์ด, 17. สก๊อตต์ ปาร์คเกอร์, 19. สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง; 11. แอชลี่ย์ ยัง; 9.แอนดี้ คาร์โรลล์
ผู้จัดการทีม: รอย ฮ็อดจ์สัน
ฮอตสกอร์: ฝรั่งเศสชนะ 2-1
ล้อมกรอบ
*อังกฤษไม่ชนะฝรั่งเศสเลยใน 5 ครั้งหลังสุดที่พบกันมาในทุกรายการ โดยแพ้รวดใน 3 นัดหลังสุด
*อังกฤษเคยแพ้ต่อทีมเดิม 4 ครั้งติดต่อกันแค่ 3 ครั้งเท่านั้น โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นในปี 1976 เมื่อแพ้บราซิลเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน
*3 จาก 4 ประตูหลังสุดที่อังกฤษยิงฝรั่งเศสได้เกิดขึ้นในนาทีที่ 86
*อังกฤษเคยพบฝรั่งเศสในยูโรมาแล้ว 2 ครั้ง โดยเสมอ 0-0 ในปี 1992 และแพ้ 1-2 ในปี 2004 แม้จะนำอยู่ 1-0 หลังครบ 90 นาทีแล้ว
*อังกฤษเป็นทีมที่ลงแข่งยูโรรอบสุดท้ายมากครั้งที่สุดโดยที่ยังไม่เคยได้แชมป์ (7)
*อังกฤษทำประตูได้ตลอด 10 นัดหลังสุดที่ลงเตะในรอบแบ่งกลุ่มของยูโร แต่ชนะได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น (ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 4)
*ฝรั่งเศสตกรอบแรกของสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่สองครั้งหลังสุด คือยูโร 2008 และฟุตบอลโลก 2010 โดยไม่ชนะเลยแม้แต่เกมเดียว (เสมอ 2 แพ้ 4)
*ฝรั่งเศสไม่แพ้ใครมาแล้ว 21 นัดติด โดยชนะได้ถึง 15 เกม นับตั้งแต่แพ้เบลารุส 0-1 ในบ้านเมื่อ 3 กันยายน 2010
*อังกฤษทำประตูในช่วง 15 นาทีแรกของเกมได้มากกว่าทุกทีมในรอบคัดเลือก (6)
*ฝรั่งเศสยิงชนเสาชนคานมากกว่าทุกทีมในรอบคัดเลือก (7)
*ฝรั่งเศสเสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับสองในรอบคัดเลือก (4) เป็นรองเพียงอิตาลี (2) เท่านั้น

วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ กรีซ - เช็ก


วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ กรีซ - เช็ก

วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ กรีซ - เช็ก
วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ กรีซ - เช็ก
วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ กรีซ - เช็ก นัดที่ 2
กรีซ - เช็ก
เวลา: 23.00 น.
สนาม: สตาดิโอน เมจสกี้
ผู้ตัดสิน: สเตฟาน ล็องนอย (ฝรั่งเศส)
ถ่ายทอดสด: ช่อง 3

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
กรีซ
8 มิ.ย. 55 เสมอ โปแลนด์ 1-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
31 พ.ค. 55 ชนะ อาร์มีเนีย 1-1 (กลาง) กระชับมิตร
26 พ.ค. 55 เสมอ สโลวีเนีย 1-1 (กลาง) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 เสมอ เบลเยียม 1-1 (เหย้า) กระชับมิตร
15 พ.ย. 54 แพ้ โรมาเนีย 1-3 (กลาง) กระชับมิตร
เช็ก
8 มิ.ย. 55 แพ้ รัสเซีย 1-4 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
1 มิ.ย. 55 แพ้ ฮังการี 1-2 (เหย้า) กระชับมิตร
26 พ.ค. 55 ชนะ อิสราเอล 2-1 (กลาง) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 เสมอ ไอร์แลนด์ 1-1 (เยือน) กระชับมิตร
15 พ.ย. 54 ชนะ มอนเตเนโกร 1-0 (เยือน) ยูโรรอบเพลย์ออฟ
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
18 ส.ค. 47 กระชับมิตร เช็ก 0-0 กรีซ
1 ก.ค. 47 ยูโรรอบสุดท้าย กรีซ 1-0 เช็ก
17 เม.ย. 45 กระชับมิตร กรีซ 0-0 เช็ก

ความพร้อม-สภาพทีม
กรีซ
กรีซเสียสองเซ็นเตอร์แบ๊กตัวหลักไปทีเดียวพร้อมกันในเกมนี้ โดยโซคราติส ปาปาสตาโธปูลอสติดโทษแบนหนึ่งนัดจากใบแดงในเกมที่แล้ว ส่วนอัฟราฮัม ปาปาโดปูลอสก็เข่าเดี้ยงจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกในเกมเดียวกัน แถมยังหมดสิทธิ์ลงเตะอีกในทัวร์นาเมนต์นี้
คริอากอส ปาปาโดปูลอส กองหลังดาวรุ่งของชาลเก้ จะได้ลงมาเป็นตัวหลักในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางแน่ๆ หนึ่งคน ส่วนอีกคนที่จะได้ลงทำหน้าที่ในเกมนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเฟอร์นานโด ซานโตสว่าจะเอายังไง
คอสตัส คารากูนิส มิดฟิลด์ตัวเก๋าของทีม ถูกคาดหมายว่าจะโดนถอยจากตำแหน่งตัวรับแดนกลางไปเล่นในแนวรับ เหมือนกับที่เขาได้ทำหน้าที่แทนมาแล้วในเกมก่อน แต่จอร์จอส โฟตากิส ซึ่งถูกคาดว่าจะได้ลงมาเล่นในแผงมิดฟิลด์แทนเขา ดันเจ็บต้นขาขึ้นมาระหว่างซ้อมจนชวดบู๊นัดนี้ด้วย
นั่นอาจจะทำให้สเตลิออส เมเลซาส เซ็นเตอร์แบ๊กสำรอง ซึ่งมีประสบการณ์ในเกมระดับชาติไม่มากนัก ถูกส่งลงเล่นในแนวรับนัดนี้ หรืออาจจะเป็นกริกอริส มากอสที่ได้ลงมาเล่นในแดนกลางก็เป็นไปได้
ส่วนอีกตำแหน่งที่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนคือปีกขวา หลังจากดิมิตริส ซัลปันกิดิสโชว์ฟอร์มได้ดีในการลงไปพลิกเกมในครึ่งหลัง ทำให้นัดนี้อาจจะเบียดโซติริส นินิสหลุดไปนั่งสำรองแทน
นอกจากนั้นแชมป์ยูโร 2004 คงจะใช้งานนักเตะตัวหลักชุดเดิมอีกครั้งโดยคอสตัส คัลเกียส นายทวารสูงวัยประจำทัวร์นาเมนต์ จะรับหน้าที่เฝ้าเสา โดยมีวาซิลิส โทโรซิดิสและโจเซ่ โฮเลบาสเป็นฟูลแบ๊กขวาซ้าย
จอร์จอส คารากูนิส กัปตันทีมจอมเก๋า ซึ่งยิงจุดโทษพลาดในนัดที่แล้ว จะเป็นตัวหลักในแดนกลาง ร่วมกับยานนิส มานยาติส
ส่วนธีโอฟานิส เกคัสจะยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมีจอร์จอส ซามาราสขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้าย
ผู้เล่นบาดเจ็บ: จอร์จอส โฟตากิส
ผู้เล่นโดนแบน: โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส
ผู้เล่นติดใบเหลือง: โจเซ่ โฮเลบาส, จอร์จอจ คารากูนิส
ความพร้อม-สภาพทีม
เช็ก
มิคัล บิเล็คอาจจะจัดทัพใหม่ในแนวรับ หลังจากโดนรัสเซียสอยพรุน 4 เม็ดในนัดที่แล้ว ด้วยการโยกมิคัล คาดเล็ช กองหลังตัวเก่งจากเลเวอร์คูเซ่น จากตำแหน่งแบ๊กซ้ายเข้ามาเป็นเซ็นเตอร์แบ๊กคู่กับโรมัน ฮุบนิคแทน
ส่วนโทมัส ซิว็อคอาจจะต้องเปลี่ยนตำแหน่งไปยืนแบ๊กซ้าย หรืออาจจะโดนดร็อปออกไปเลย และให้ดาวิด ลิมเบอร์สกี้ แบ๊กซ้ายสำรองของทีม ลงมาทำหน้าที่แทน ส่วนแบ๊กขวาจะเป็นหน้าที่ของธีโอดอร์ เกเบร เซลาสเซียเช่นเดิม
ขณะที่แผงมิดฟิลด์น่าจะส่งโทมัส ฮุบช์มันลงไปช่วยตัดเกมตรงกลางสนาม เพราะนัดที่แล้วทีมขาดมิดฟิลด์ตัวรับอาชีพที่จะคอยทำลายเกมคู่ต่อสู้ โดยแยน เรเซ็คคงต้องถูกถอดออกไป เหมือนกับครึ่งหลังของเกมที่แล้ว
โทมัส โรซิคกี้ มิดฟิลด์กัปตันทีม อาจจะถอยลงมายืนคุมจังหวะเกมตรงกลางสนามด้วยอีกคน โดยไม่ยืนสูงเหมือนนัดก่อน โดยหน้าที่ในการปั้นเกมรุกจะเป็นของวาคลาฟ พิลาร์ที่จะหุบจากปีกเข้ามายืนตรงกลางแทน
ส่วนยาโรสลาฟ ปลาซิลและปีเตอร์ ยิราเน็คที่เล่นคู่กันตรงกลางสนามในนัดที่แล้ว จะถูกดันขึ้นมาเป็นตัวทำเกมทางฝั่งขวาและซ้ายแทน
ตำแหน่งหัวหอกตัวเป้าจะยังเป็นหน้าที่ของมิลาน บารอส อดีตดาวซัลโวรองเท้าทองคำของยูโร 2004 ปีที่กรีซได้แชมป์ ด้วยการทำประตูซิลเวอร์โกล์เฉือนเช็กไปได้ในรอบตัดเชือก
ส่วนหน้าที่เฝ้าเสาจะยังเป็นของปีเตอร์ เช็ก นายประตูคนเก่งของทีม แม้นัดที่แล้วจะโดนส่องพรุนก็ตาม โดยเขาและบารอสกับโรซิคกี้ เป็นสามขุนพลตัวหลักของทีมที่หลงเหลือมาจากการพบกับกรีซเมื่อ 8 ปีก่อน
ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: -
ผู้เล่นติดใบเหลือง: -
วิเคราะห์รูปเกม
เช็กหลังชนฝาจะแพ้อีกไม่ได้หากหวังลุ้นเข้ารอบ และคงต้องมองถึง 3 คะแนนด้วยซ้ำหากอยากได้ลุ้นต่อถึงนัดสุดท้าย เกมนี้มิคัล บิเล็คคงต้องวางแผนการเล่นมาให้ดี หลังดูเหมือนจะผิดพลาดในเกมแรกกับรัสเซียจนโดนถลุงไปแบบสู้ไม่ได้
นัดนี้ต้องเจอกับกรีซที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก๋าและเล่นได้อย่างมีวินัย แม้เกมรับของทีมจะถูกพูดถึงว่าเป็นจุดแข็งในการพาทีมผ่านเข้ารอบมาได้ แต่ในเกมรุกแล้วพวกเขาก็ทำได้ดีเกินคาด
โดยพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากนัดแรกกับโปแลนด์ นัดนี้เช็กคงต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่ ซึ่งแม้จะมีโอกาสสูงที่จะไปเข้าทางกรีซ แต่เชื่อว่าเช็กคงจะทำการบ้านมาแล้วว่าจะรับมือกับอดีตแชมป์ปี 2004 ยังไง และคุณภาพของนักเตะแนวรุกของเช็กบวกกับการต้องสู้แบบเต็มตัวแล้ว น่าจะทำให้ทีมมีลุ้นที่จะเบียดเข้าป้ายได้อย่างสนุก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
กรีซ (4-3-3): 1. คอสตัส คัลเกียส; 15. วาซิลิส โทโรซิดิส 5. คิริอากอส ปาปาโดปูลอส 21. คอสตัส คัตซูรานิส 20. โจเซ่ โฮเลบาส; 2. ยานนิส มานยาติส, 6. กริกอริส มากอส 10. จอร์จอส คารากูนิส; 14. ดิมิตริส ซัลปินกิดิส 17. ฟานิส เกคัส 7. จอร์จอส ซามาราส
โค้ช: เฟอร์นานโด ซานโตส
เช็ก (4-2-3-1): 1. ปีเตอร์ เช็ก; 2. ธีโอดอร์ เกเบร เซลาสเซีย 3. มิคัล คาดเล็ช 6. โทมัส ฮุบนิค, 8. ดาวิด ลิมเบอร์สกี้; 17. โทมัส ฮุบช์มัน 10. โทมัส โรซิคกี้; 13. ยาโรสลาฟ ปลาซิล 14. วาคลาฟ พิลาร์ 19. ปีเตอร์ ยิราเช็ค; 15. มิลาน บารอส
โค้ช: มิคัล บิเล็ค
ฮอตสกอร์: เช็กชนะ 2-1
ล้อมกรอบ
*ในการพบกัน 3 ครั้งระหว่างทั้งสองทีม มีประตูเกิดขึ้นแค่ลูกเดียวเท่านั้น โดยเป็นประตูซิลเวอร์โกล์ของศึกยูโร 2004 รอบรองชนะเลิศ ซึ่งส่งให้กรีซได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด
*แม้กรีซจะไม่เคยเสียประตูเลยในการพบกับเช็ก 3 ครั้ง แต่พวกเขาก็แพ้ต่ออดีตเชโกสโลวาเกียตลอดทั้ง 5 ครั้งที่พบกัน
*ผลเสมอ 1-1 กับโปแลนด์ในนัดเปิดสนาม ทำให้กรีซเก็บแต้มแรกในยูโรได้นับตั้งแต่ครองแชมป์เมื่อปี 2004 โดยพวกเขาลงป้องกันแชมป์ในยูโร 2008 ด้วยการแพ้รวดในรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 3 นัด
*การปราชัยต่อรัสเซีย 4-1 ในนัดแรกถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดของเช็ก หลังจากเคยพ่ายคู่แข่งด้วยสกอร์ที่ห่าง 3 ลูกมาเพียง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ คือการแพ้สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 ในปี 1994 ซึ่งเป็นนัดที่สองที่พวกเขาลงเล่นในนามของสาธารณรัฐเช็ก และแพ้นอร์เวย์ด้วยสกอร์เดียวกันในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปีที่แล้ว 
*ความพ่ายแพ้นัดนี้ยังทำให้เช็กแพ้ติดต่อกันเป็นนัดที่ 3 ในยูโรรอบสุดท้ายด้วย หลังแพ้โปรตุเกส 3-1 และแพ้ตุรกี 3-2 ในยูโร 2008 รอบแบ่งกลุ่มสองนัดหลัง และต้องตกรอบไป

วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ นัดที่สอง โปแลนด์ - รัสเซีย


วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ โปแลนด์ - รัสเซีย
วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ โปแลนด์ - รัสเซีย
วิเคราะห์บอลยูโร 2012 กลุ่มเอ นัดที่สอง โปแลนด์ - รัสเซีย
โปแลนด์ - รัสเซีย
เวลา: 01.45 น.
สนาม: สตาดิโอน นาโรโดวี่
ผู้ตัดสิน: โวล์ฟกัง สตาร์ค (เยอรมนี)
ถ่ายทอดสด: ช่อง 3
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
โปแลนด์
8 มิ.ย. 55 เสมอ กรีซ 1-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
2 มิ.ย. 55 ชนะ อันดอร์รา 4-0 (เหย้า) กระชับมิตร
26 พ.ค. 55 ชนะ สโลวะเกีย 1-0 (กลาง) กระชับมิตร
22 พ.ค. 55 ชนะ ลัตเวีย 1-0 (กลาง) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 เสมอ โปรตุเกส 0-0 (เหย้า) กระชับมิตร
รัสเซีย
8 มิ.ย. 55 ชนะ เช็ก 4-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
1 มิ.ย. 55 ชนะ อิตาลี 3-0 (กลาง) กระชับมิตร
29 พ.ค. 55 เสมอ ลิธัวเนีย 0-0 (เยือน) กระชับมิตร
25 พ.ค. 55 เสมอ อุรุกวัย 1-1 (เหย้า) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 ชนะ เดนมาร์ก 2-0 (เยือน) กระชับมิตร
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
22 ส.ค. 50 กระชับมิตร รัสเซีย 2-2 โปแลนด์
27 พ.ค. 41 กระชับมิตร โปแลนด์ 3-1 รัสเซีย
2 มิ.ย. 39 กระชับมิตร รัสเซีย 2-0 โปแลนด์
ความพร้อม-สภาพทีม
โปแลนด์
โปแลนด์จะลงสนามนัดนี้ด้วยการส่งเพอร์เซมิสลาฟ ทีตอน ลงเฝ้าเสา หลังจากที่ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เขายังอยู่ในฐานะมือ 3 ของทีม แต่การถอนตัวของลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ และการถูกไล่ออกในนัดแรกของวอจเซียค เซสนี่ ซึ่งจะติดโทษแบน 1 นัดในเกมนี้ ก็ทำให้โอกาสตกเป็นของนายทวารจากพีเอสวี ซึ่งลงไปเซฟจุดโทษได้ทันทีในนัดที่แล้วด้วย
นอกจากนั้นฟรานชิเซ็ค สมูด้า จะยังใช้นักเตะชุดเดิม ซึ่งเป็นทีมชุดที่ลงตัวที่สุดอยู่แล้ว โดยโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงตัวเก่ง จะลงล่าตาข่ายอีกครั้ง หลังเบิกสกอร์แรกในยูโรครั้งนี้ได้ ทำให้เขาเพิ่มสถิติการซัลโวทั้งกับสโมสรและทีมชาติเป็น 7 ลูกใน 5 เกมหลังสุด และได้รับเลือกเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในนัดนี้ด้วย
ลูโดวิช โอบราเนี้ยค จะเป็นเพลย์เมกเกอร์ในการปั้นเกมรุกอยู่ข้างหลัง โดยมียาคุบ บลาซชินคอฟสกี้ กัปตันทีม ขึ้นเกมทางขวา และทางซ้ายเป็นหน้าที่ของมาเชจ รีบุส
ขณะที่อูเกน โปลันสกี้กับราฟัล มูราฟสกี้จะยังได้จับคู่กันตรงกลางสนามต่อไป ทำให้ดาริอุซ ดุดก้าและอดัม มาตุซชิคต้องรอโอกาสไปก่อน
ส่วนแผงแบ็กโฟร์มีลูคัส พิสซ์เซ็ค หนึ่งในสามนักเตะจากดอร์ทมุนด์ใน 11 ตัวจริงชุดนี้ ลงยืนเป็นแบ็กขวา โดยมีมาร์ชิน วาซิเลฟสกี้กับดาเมี่ยน เปอร์ควิสท์จับคู่กันตรงกลาง และเซบาสเตียน โบเอนิสค์รับหน้าที่แบ็กซ้าย
ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: วอจเซียค เซสนี่
ผู้เล่นติดใบเหลือง: -
ความพร้อม-สภาพทีม
รัสเซีย
ดิ๊ค แอดโวคาท คงจะไม่ปรับเปลี่ยนโผจากนัดแรกที่โชว์ฟอร์มกันได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า วยาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ นายทวารจากเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จะได้รับหน้าที่เฝ้าเสาต่อไป หลังได้รับเลือกเหนืออิกอร์ อคินเฟเยฟ มือหนึ่งเจ้าประจำ ซึ่งมีปัญหาเรื่องความฟิตก่อนลงแข่งทัวร์นาเมนต์นี้
แผนแบ็กโฟร์มีอเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟลงยืนเป็นแบ็กขวา โดยมียูริ เซียร์คอฟ ยืนเป็นแบ็กซ้าย ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็กเป็นสองตัวหลักอย่างเซอร์เก อิ๊กนาเชวิช กับ อเล็กเซ เบเรซุทสกี้
ส่วนแผงมิดฟิลด์มี 3 ประสานหน้าเดิมลงทำหน้าที่อีกครั้ง โดยอิกอร์ เดนิซอฟ นักเตะยอดเยี่ยมรัสเซียปีนี้ จะเป็นตัวตัดเกมตรงกลาง ส่วนโรมัน ชิโรคอฟจะเป็นตัวทำเกมทางขวา หลังซัดไป 3 ประตูใน 2 เกมหลังสุด รวมถึงหนึ่งลูกในนัดที่แล้วด้วย ขณะที่ทางซ้ายจะเป็นหน้าที่ของตัวเก๋าอย่างคอนสแตนติน ซิริอานอฟ
อังเดร อาร์ชาวิน กัปตันทีมตัวเก่ง จะเป็นหนึ่งใน 3 กองหน้า โดยคอยขึ้นเกมทางซ้าย ส่วนทางขวาเป็นหน้าที่ของซาโกเยฟ โดยมีอเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ รับบทหัวหอกตัวเป้า
วิเคราะห์รูปเกม
โปแลนด์แบกความกดดันลงเตะนัดนี้ เพราะจะแพ้ไม่ได้ หากไม่อยากจอดป้ายตั้งแต่รอบแรก การต้องมาเจอรัสเซียที่ฟอร์มดูจะกำลังเข้าที่เข้าทางสุดๆ ถือเป็นงานหินสำหรับเจ้าภาพร่วม ซึ่งต้องไปปรับแผนการเล่นมาใหม่ให้คงเส้นคงวามากกว่าเดิม หลังเล่นดีครึ่งเดียวในเกมแรก
ขณะที่รัสเซียคงจะมีความเชื่อมั่นสูงมาจากผลงานนัดแรก แต่ก็คงจะไม่ประมาทในการพบกับเจ้าภาพ ถ้าชนะนัดนี้ทีมหมีขาวจะลอยลำผ่านเข้ารอบทันที ทำให้คงจะต้องเน้นเช่นกัน แต่โปแลนด์คงได้เสียงเชียร์ทำให้มีแรกฮึดเป็นพิเศษ ยังไงไม่น่าจะพลาดท่าเสียทีง่ายๆ อย่างน้อยน่าจะมีสิทธิขอลุ้นหนึ่งแต้มติดมือไว้ก่อน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
โปแลนด์ (4-2-3-1): 22. เพอร์เซมิสลาฟ ทีตอน; 20. ลูคัซ พิซเช็ค 13. มาร์ชิน วาซิเลฟสกี้ 15. ดาเมี่ยน เปอร์ควิส 2. เซบาสเตียน โบเอนิสค์; 7. อูเกน โปลันสกี้ 11. ราฟัล มูราฟสกี้; 16. ยาคุบ บลาซชีคอฟสกี้ 10. ลูโดวิช โอบราเนียค 8. มาเชจ รีบุส; 9. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
โค้ช: ฟรานชิเซ็ค สมูด้า
รัสเซีย (4-3-3): 16.วยาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ; 2. อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ 3. เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช 12. อเล็กเซ เบเรซุทสกี้ 5. ยูริ เซียร์คอฟ; 6. โรมัน ชิโรคอฟ 7. อิกอร์ เดนิซอฟ 8. คอนสแตนติน ซิริอานอฟ; 17. อลัน ซาโกเยฟ 11. อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ 10. อังเดร อาร์ชาวิน 
โค้ช: ดิ๊ค แอดโวคาท
ฮอตสกอร์: เสมอ 2-2
ล้อมกรอบ
*โปแลนด์เคยลงเตะกับรัสเซียในบ้านตัวเองมาเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ โดยเอาชนะไปได้ 3-1 ในเกมอุ่นเครื่องที่ชอร์ซอฟเมื่อปี 1998 และเจ้าภาพร่วมยังไม่เคยแพ้ในบ้านในการพบกับอดีตสหภาพโซเวียตมาก่อนด้วย
*ผลเสมอ 1-1 ในนัดเปิดสนามกับกรีซทำให้โปแลนด์ยังต้องรอชัยชนะนัดแรกในยูโรรอบสุดท้ายต่อไป หลังจากเคยลงแข่งครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน และทำได้แค่เสมอ 1 แพ้ 2 ในสามนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม
*ประตูตีเสมอของกรีซในเกมนั้นถือเป็นลูกแรกที่โปแลนด์เสียไปในรอบ 5 นัด
*รัสเซียเพิ่มสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันเป็น 15 นัดแล้ว หลังถล่มเช็ก 4-1 ในนัดแรก และเสียไปแค่ 5 ประตูเท่านั้นในระหว่างนี้
*รัสเซียประเดิมยูโร 2008 นัดแรกด้วยการแพ้สเปน 1-4 แต่ก็กลับมาเอาชนะได้ 3 นัดติด ก่อนจะไปแพ้สเปนอีกครั้งด้วยสกอร์ 0-3 ในรอบรองชนะเลิศ
*อลัน ซาโกเยฟ มิดฟิลด์ของรัสเซีย ซึ่งทำสองประตูในนัดที่แล้ว เพิ่มสถิติการยิงประตูเป็น 5 ลูกใน 3 นัดหลังสุดที่ลงเตะในแมตช์แข่งขันจริง โดยก่อนหน้านี้เขายิงสโลวะเกีย 1 ลูก และยิงอันดอร์รา 2 ลูก ในสองเกมสุดท้ายของรอบคัดเลือกเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน

วิเคราะห์บอลยูโร กลุ่มบี ฮอลแลนด์ - เยอรมนี


วิเคราะห์บอลยูโร กลุ่มบี ฮอลแลนด์ - เยอรมนี

วิเคราะห์บอลยูโร กลุ่มบี ฮอลแลนด์ - เยอรมนี
วิเคราะห์บอลยูโร กลุ่มบี ฮอลแลนด์ - เยอรมนี
กลุ่มบี ฮอลแลนด์ - เยอรมนี

เวลา: 01.45 น.

สนาม: โอบลาสนี่ สปอร์ต คอมเพล็กซ์

ผู้ตัดสิน: โยนาส อีริคส์สัน (สวีเดน)

ถ่ายทอดสด: ช่อง 3

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

ฮอลแลนด์

9 มิ.ย. 55    แพ้    เดนมาร์ก        0-1 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
2 มิ.ย. 55    ชนะ    ไอร์แลนด์เหนือ    6-0 (เหย้า)    กระชับมิตร
30 พ.ค. 55    ชนะ    สโลวะเกีย        2-0 (เหย้า)    กระชับมิตร
26 พ.ค. 55    แพ้    บัลแกเรีย        1-2 (เหย้า)    กระชับมิตร
29 ก.พ. 55    ชนะ    อังกฤษ            3-2 (เยือน)    กระชับมิตร

เยอรมนี

9 มิ.ย. 55    ชนะ    โปรตุเกส        1-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
31 พ.ค. 55    ชนะ    อิสราเอล        2-0 (กลาง)    กระชับมิตร
26 พ.ค. 55    แพ้    สวิตเซอร์แลนด์    3-5 (เยือน)    กระชับมิตร
29 ก.พ. 55    แพ้    ฝรั่งเศส        1-2 (เหย้า)    กระชับมิตร
15 พ.ย. 54    ชนะ    ฮอลแลนด์        3-0 (เยือน)    กระชับมิตร

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

15 พ.ย. 54    กระชับมิตร            เยอรมนี 3-0 ฮอลแลนด์
17 ส.ค. 48    กระชับมิตร            ฮอลแลนด์ 2-2 เยอรมนี
15 มิ.ย. 47    ยูโรรอบสุดท้าย        เยอรมนี 1-1 ฮอลแลนด
20 พ.ย. 45    กระชับมิตร            เยอรมนี 1-3 ฮอลแลนด์
23 ก.พ. 43    กระชับมิตร            ฮอลแลนด์ 2-1 เยอรมนี

ความพร้อม-สภาพทีม

ฮอลแลนด์

ฮอลแลนด์ได้ โยริส มาไธจ์เซ่น เซ็นเตอร์แบ็กตัวหลัก ฟิตกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมนี้ หลังจากเจ็บแฮมสตริงในเกมอุ่นเครื่องนัดแรกของทีมในช่วงปรีทัวร์นาเมนต์ จนทำให้พลาดเกมแรกที่พ่ายเดนมาร์กไป

เขาจะกลับมาลงสนามแทนที่ของรอน ฟลาร์ที่ได้โอกาสลงเล่นแทนในนัดที่แล้ว โดยจะยืนคู่กับ จอห์น ไฮติงก้า ตามเดิม ทำให้เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ พร้อมใช้งานนักเตะชุดที่ดีที่สุดได้อีกครั้ง

กุนซือทีมอัศวินสีส้มน่าจะไม่ปรับเปลี่ยนผู้เล่นในแผงหลังและกลาง รวมถึงตำแหน่งผู้รักษาประตูที่จะเป็นหน้าที่ของ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก

ส่วน เจโตร วิลเล็มส์ แบ็กซ้ายวัย 18 ปี ซึ่งกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเตะในยูโรรอบสุดท้ายไปแล้ว ก็จะยังได้ทำหน้าที่ต่อไป โดยมี เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล เป็นแบ็กขวา

ทางด้านมาร์ค ฟาน บอมเมล กัปตันทีมตัวเก๋า จะจับคู่กับ ไนเจล เดอ ยอง เป็นตัวหลักตรงกลางสนามเช่นเดิม ขณะที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เพลย์เมกเกอร์ของทีม ก็พร้อมลงทำหน้าที่ได้อีกครั้ง แม้จะมีอาการเจ็บเล็กน้อยมาจากเกมที่แล้ว

อาร์เยน ร็อบเบน และ อิบราฮิม อาเฟลลาย คงจะทำหน้าที่ขึ้นเกมรุกริมเส้นเช่นเดิม แม้จะมีเดิร์ค เคาท์ และ โรบิน ฟาน เดอร์ ฟาร์ต ที่รอโอกาสอยู่เช่นกัน

ส่วนตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าดูจะเป็นการตัดสินใจที่ยากอีกครั้งของ ฟาน มาร์ไวก์ แต่เขาคงจะยังเลือกใช้งาน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ต่อไป แม้จะมี คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ดาวยิงของทีมในรอบคัดเลือก เป็นตัวเลือกที่ทำให้ต้องคิดหนักอยู่อีกคน

ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: -
ผู้เล่นติดใบเหลือง: มาร์ค ฟาน บอมเมล

ความพร้อม-สภาพทีม

เยอรมนี

โยอัคคิม เลิฟ ต้องชั่งใจว่าจะพักบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ มิดฟิลด์ตัวเก่ง เอาไว้ในเกมนี้หรือไม่ เนื่องจากกังวลเรื่องสภาพความฟิตของเขา เพราะเพิ่งลงเตะได้เป็นนัดแรกในเกมที่แล้ว นับตั้งแต่มีอาการบาดเจ็บที่น่องรบกวนมาจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ

หากทีมเชฟอินทรีเหล็กตัดสินใจให้ชไวน์สไตเกอร์ได้พัก โทนี่ โครส เพื่อนร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิคของเขา จะได้รับโอกาสลงมาเล่นตรงกลางสนามคู่กับ ซามี่ เคดิร่า แทน

ขณะที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวริมเส้นทั้งสองฝั่งของโธมัส มุลเลอร์ และลูคัส โพดอลสกี้ ก็มีทั้งอังเดร ชูร์เล, มาริโอ เกิตเซ่ และ มาร์โก รอยส์ ที่รอจะสอดแทรกลงสนามด้วยเช่นกัน ส่วนเมซุต โอซิล จะยังเป็นตัวหลักในการบงการเกมรุกให้กับทีมเช่นเดิม

มาริโอ โกเมซ ฮีโร่ผู้ทำประตูชัยให้ทีมในนัดที่แล้ว คงจะยังได้ลงยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าต่อไป แม้นัดที่แล้วจะมีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนักก็ตาม แต่ก็ทำหน้าที่หลักในการจบสกอร์ได้ ทำให้มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงตัวเก๋า อาจต้องรอโอกาสที่ข้างสนามต่อไป

ส่วนแนวรับของทีมคงจะใช้งานนักเตะชุดเดิมอีกครั้ง โดย มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ได้รับเลือกเหนือแพร์ แมร์เตซัคเคอร์ ที่มีปัญหาเรื่องความฟิต ให้ลงยืนเป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ โดยมี เจอโรม บัวเต็ง และ ฟิลิปป์ ลาห์ม ยืนเป็นฟูลแบ็กทั้งสองข้าง

มานูเอล นอยเออร์ นายประตูจอมหนึบ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 นักเตะบาเยิร์นในโผ 11 ตัวจริงนัดที่แล้ว จะลงไปเป็นปราการด่านสุดท้ายเช่นเดิม 

ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: -
ผู้เล่นติดใบเหลือง: โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เจอโรม บัวเต็ง

วิเคราะห์รูปเกม

ฮอลแลนด์หลังชนฝาต้องชนะเท่านั้นเพื่อจะยังได้ไปลุ้นในนัดสุดท้าย เพราะหนึ่งคะแนนก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ทีมต้องจอดป้ายแค่รอบแรก ส่วนเยอรมันขอชนะก็โอกาสเข้ารอบใสปิ๊ง หรืออาจจะฉลุยเข้ารอบไปเลยโดยไม่ต้องไปลุ้นนัดที่เหลือ 

คู่นี้มาเจอกันเมื่อไหร่สนุกเมื่อนั้น เกมนี้ก็คงห้ำหั่นกันแบบถึงกึ๋นแน่ ฮอลแลนด์ต้องพยายามจบสกอร์จังหวะสุดท้ายให้ดีกว่านัดแรกที่มีโอกาสแต่ทำไม่ได้ เกมนี้ต้องเจอกับทีมที่ระบบดีและมีวินัยอย่างเยอรมันคงไม่ใช่งานง่ายๆ และต้องระหวังหลังในจังหวะสวนกลับที่อันตรายเช่นกัน 

แต่ด้วยสถานการณ์ที่บังคับ นัดนี้ฮอลแลนด์ต้องกล้าลุยกล้าแลกแบบไม่มีอะไรจะเสีย และน่าจะทำให้ทีมมีโอกาสลุ้นเก็บ 3 คะแนนสำคัญได้ในที่สุด

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม: 

ฮอลแลนด์ (4-2-3-1): 1. มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก; 2. เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล 3. จอห์น ไฮติงก้า 4. โยริส มาไธจ์เซ่น 15. เจโตร วิลเล็มส์; 6. มาร์ค ฟาน บอมเมล 8. ไนเจล เดอ ยอง; 11. อาร์เยน ร็อบเบน 10. เวสลี่ย์ สไนเดอร์ 20. อิบราฮิม อาเฟลลาย; 16. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
โค้ช: เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์

เยอรมนี (4-2-3-1): 1. มานูเอล นอยเออร์; 20. เจอโรม บัวเต็ง 5. มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ 14. โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ 16. ฟิลิปป์ ลาห์ม; 6. ซามี่ เคดิร่า 18. โทนี่ โครส; 13. โธมัส มุลเลอร์ 8. เมซุต โอซิล 10. ลูคัส โพดอลสกี้; 23. มาริโอ โกเมซ
โค้ช: โยอัคคิม เลิฟ

ฮอตสกอร์: ฮอลแลนด์ชนะ 2-1

ล้อมกรอบ

*คู่ปรับเก่าทั้งสองทีมจะพบกันเป็นครั้งที่ 39 โดยเยอรมนีเป็นฝ่ายมีสถิติดีกว่าในการพบกันมา ด้วยการชนะ 14 ครั้ง ส่วนฮอลแลนด์ชนะ 10 ครั้ง และเสมอกัน 14 ครั้ง
*ฮอลแลนด์มีสถิติที่ดีกว่าในการพบกันในศึกยูโร โดยเป็นฝ่ายชนะ 2 ครั้งในยูโร 88 และ 92 ส่วนเยอรมนีชนะ 1 ครั้งในยูโร 80
*ทั้งสองทีมพบกันมาแล้ว 7 ครั้งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ และต่างทำประตูกันได้ทุกนัด
*เยอรมนีชนะได้แค่ 3 จาก 12 ครั้งหลังสุดที่พบกับฮอลแลนด์ (ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 4)
*ฮอลแลนด์ชนะถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุดที่ลงเตะในยูโรรอบแบ่งกลุ่ม และชนะถึง 7 จาก 10 นัดหลัง
*เยอรมนีชนะแค่ 3 ครั้งในการลงเตะยูโรรอบแบ่งกลุ่ม 11 ครั้งหลังสุด (ชนะ 3 เสมอ 4 แพ้ 4) และถูกเขี่ยตกรอบนี้ถึง 2 จาก 3 ครั้งหลังสุด
*ฮอลแลนด์เคยแพ้นัดแรกของศึกยูโรรอบแบ่งกลุ่มแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ นั่นคือการพ่ายอดีตสหภาพโซเวียตในยูโร 88 ก่อนจะก้าวไปเป็นแชมป์
*เยอรมนีไม่เคยตกเป็นฝ่ายตามหลังเลยตลอดการลงเตะรอบคัดเลือก 10 นัด โดยเป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำทุกนัดและชนะรวด และยังคงทำได้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกที่ชนะโปรตุเกส 1-0 ด้วย
*คลาส แยน ฮุนเตลาร์ กองหน้าของฮอลแลนด์ ทำไป 12 ประตู ในรอบคัดเลือก ส่วนมิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าของเยอรมนี ทำไป 9 ลูก และเป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับหนึ่งและสองในรอบคัดเลือก แต่ทั้งคู่ได้ลงเล่นเพียงแค่ในฐานะตัวสำรองเท่านั้นในนัดแรก
*ฮุนเตลาร์ ค้าแข้งอยู่ในบุนเดสลีกาของเยอรมันกับชาลเก้ ขณะที่อาร์เยน ร็อบเบนและคาลิด บูห์ลารูซ ก็เล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิคและสตุ๊ตการ์ต ส่วนนักเตะของทีมที่เคยลงเล่นในลีกเมืองเบียร์ ได้แก่ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต, ไนเจล เดอ ยอง, โยริส มาไธจ์เซ่น (ฮัมบวร์กทั้งหมด) มาร์ค ฟาน บอมเมล (บาเยิร์น)
*เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ โค้ชของฮอลแลนด์ เคยคุมทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในระหว่างปี 2004-2006
*มาริโอ โกเมซ ศูนย์หน้าของเยอรมนี ทำไป 6 ประตู ใน 6 นัดหลังสุดของรอบคัดเลือก
*เจโตร วิลเล็มส์ กองหลังของฮอลแลนด์ ลงสนามในเกมกับเดนมาร์กด้วยวัย 18 ปี 72 วัน กลายเป็นสถิติใหม่ของนักเตะอายุน้อยที่สุดในยูโรรอบสุดท้าย ทำลายสถิติเดิมที่เอ็นโซ ชีโฟ่ของเบลเยียมทำไว้ด้วยวัย 18 ปี 115 วัน ในยูโร 84